วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ประเพณีวันสารทเดือนสิบ


ประเพณีวันสารทเดือนสิบ

ประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นงานบุญประเพณีของคนภาคใต้ ของประเทศไทย โดยเฉพาะชาวนครศรีธรรมราช ที่ได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อซึ่งมาจากทางศาสนาพราหมณ์โดยมีการผสมผสานกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเข้ามาในภายหลัง โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพชนและญาติที่ล่วงลับ ซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาจากนรกที่ตนต้องจองจำอยู่เนื่องจากผลกรรมที่ตนได้เคยทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยจะเริ่มปล่อยตัวจากนรกในทุกวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 เพื่อมายังโลกมนุษย์โดยมีจุดประสงค์ในการมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง ที่ได้เตรียมการอุทิศไว้ให้เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ล่วงลับ หลังจากนั้นก็จะกลับไปยังนรก ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน10 ช่วงระยะเวลาในการประกอบพิธีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบจะมีขึ้นในวันแรม 1 ค่ำถึงแรม 15 ค่ำเดือนสิบของทุกปีแต่สำหรับวันที่ชาวใต้มักจะ นิยมทำบุญกันมากคือวันแรม 13-15 ค่ำ ประเพณีวันสารทเดือนสิบโดยในส่วนใหญ่แล้วจะตรงกับเดือนกันยายน
เมื่อถึงวันแรม 14 ค่ำเดือนสิบ ซึ่งเรียกกันว่า “วันหลองหฺมฺรับ” แต่ละครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะร่วมกันนำข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มาจัดเป็นหฺมฺรับ สำหรับการจัดหฺมฺรับนั้นไม่มีรูปแบบที่แน่นอน จะจัดเป็นรูปแบบใดก็ได้ แต่ลำดับการจัดของลงหฺมฺรับจะเหมือน ๆ กัน คือ เริ่มต้นจะนำกระบุง กระจาด ถาด หรือกะละมัง มาเป็นภาชนะ แล้วรองก้นด้วยข้าวสาร ตามด้วยหอม กระเทียม พริก เกลือ กะปิ น้ำตาล และเครื่องปรุงอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ ต่อไปก็ใส่ของจำพวกอาหารแห้ง เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม และผักผลไม้ที่เก็บไว้ได้นาน ๆ เช่น ฟักเขียว ฟักทอง มะพร้าว ขมิ้น มัน ลางสาด เงาะ ลองกอง กล้วย อ้อย ข้าวโพด ข่า ตะไคร้ ฯลฯ จากนั้นก็ใส่ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ไต้ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันก๊าด ไม้ขีด หม้อ กระทะ ถ้วยชาม เข็ม ด้าย และเครื่องเซี่ยนหมาก สุดท้ายก็ใส่สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของการจัดหฺมฺรับ คือ ขนม 5 อย่าง ( บางท่านบอกว่า 6 อย่าง ) ซึ่งขนมแต่ละอย่างล้วนมีความหมายในตัวเอง คือ 
                ขนมพอง เป็นสัญลักษณ์แทนแพสำหรับผู้ล่วงลับใช้ล่องข้ามห้วงมหรรณพ

ขนมลา แทนเครื่องนุ่งห่มแพรพรรณ

ขนมกง หรือ ขนมไข่ปลา แทนเครื่องประดับ

ขนมดีซำ แทนเงินเบี้ยสำหรับใช้สอย

 ขนมบ้า แทนสะบ้าใช้เล่น
 การยกหฺมฺรับ ในวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ ซึ่งเป็นวันยกหมฺรับ ต่างก็จะนำหมฺรับพร้อมภัตตาหารไปวัด โดยแต่ละคนจะแต่งตัวอย่างสะอาดและสวยงาม เพราะถือเป็นการทำบุญครั้งสำคัญ วัดที่ไปมักจะเป็นวัดใกล้บ้านหรือวัดที่ตนศรัทธา การยกหมฺรับไปวัดอาจต่างครอบครัวต่างไปหรืออาจจัดเป็นขบวนแห่ ทั้งนี้เพื่อต้องการความสนุกสนานรื่นเริงด้วย วัดบางแห่งอาจจะจัดให้มีการประกวดหฺมฺรับในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น ได้จัดให้มีขบวนแห่หมฺรับอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาในงานเดือนสิบทุก ๆปี โดยมีองค์กรทั้งภาครัฐและองค์กรเอกชนต่างส่งหฺมฺรับของตนเข้าร่วมขบวนแห่และร่วมการประกวด ซึ่งในช่วงเทศกาลนี้สามารถจูงใจนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราชมากยิ่งขึ้น
การตั้งเปรตและการชิงเปรต
เสร็จจากการฉลองหมฺรับและถวายภัตตาหารแล้วกก็นิยมนำขนมอีกส่วนหนึ่งวางไว้ตามบริเวณวัด โคนไม้ใหญ่ หรือกำแพงวัด เรียกวา "ตั้งเปรต" เป็นการแผ่ส่วนกุศล ให้เป็นสาธารณะทาน แก่ผู้ล่วงลับที่ไมํมีญาติหรือญาติไม่ได้มาร่วมทาบุญได้บางวัดนิยมสร้างร้านขึ้น เพื่อสะดวกแกํตั้งเปรต เรียกว่า "หลาเปรต" (ศาลาเปรต) เมื่อตั้งขนม ผลไม้และและเงินทาบุญเสร็จแล้ว ก็จะนำสายสิญจน์ที่ได้บังสุกุลแล้ว มาผูกเพื่อแผ่ส่วนกุศลด้วย เมื่อเสร็จพิธีสงฆ์ก็จะเก็บสายสิญจน์การชิงเปรตจะเริ่มหลังจากตั้งเปรตเสร็จแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกว่า "ชิงเปรต" ทั้งผู้ใหญ่ใหญ่และเด็กจะวิ่งกันเข้าไปแย่งขนมกันอย่างคึกคัก เพราะความเชื่อว่าของที่เหลือจากการเซํนไหว้บรรพบุรุษ ถ้าใครได้ไปกินก็จะได้กุศลแรง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว


[แก้]

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

ปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดของเยาวชน


ปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดของเยาวชน




 ในประเทศไทย

          ยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาของชาติอยู่ในขณะนี้   มีประวัติความเป็นมาอย่างไรเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะมนุษย์ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาเป็นเวลาช้านาน  บางชนิดก็ให้ทั้งคุณประโยชน์และโทษ  บางชนิดก็มีแต่โทษภัยเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันมียาเสพติดชนิดต่าง ๆ ในท้องตลาดมากกว่า 120 ชนิด อย่างไรก็ตามยาเสพติดชนิดแรกที่คนไทยรู้จักก็คือ

          ฝิ่น


          ฝิ่นเข้ามาในประเทศไทยในสมัยใดนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด  เท่าที่มีหลักฐานครั้งแรก  เป็นประกาศใช้กฎหมายลักษณะโจร

ในสมัยรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)  ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา  เมื่อ พ.ศ. 1903 หรือ ประมาณ 600 ปีล่วงมาแล้ว ตามกฎหมายฉบับนี้ได้บัญญัติการห้ามซื้อ ขาย เสพฝิ่นไว้ว่า"ผู้สูบฝิ่น กินฝิ่น ขายฝิ่นนั้น  ให้ลงพระราชอาญาจงหนักหนา ริบราชบาทว์ให้สิ้นเชิง  ทเวนบกสามวัน  ทเวนเรือสามวัน  ให้จำใส่คุกไว้จนกว่าจะอดได้ ถ้าอดได้แล้วเรียกเอาทานบน

แก่มันญาติพี่น้องไว้แล้ว  จึงให้ปล่อยผู้สูบ  ขาย  กินฝิ่น  ออกจากโทษ"   แม้ว่าบทลงโทษจะสูง  แต่การลักลอกซื้อขายและเสพฝิ่นก็ยังมีต่อมาโดยตลอด   กฎหมายคงใช้ได้แต่ในกรุงศรีอยุธยาเท่านั้น   ส่วนหัวเมือง และ เมืองขึ้นที่ห่างพระเนตรพระกรรณ ไม่มีการเข้มงวดกวดขัน   ซึ่งปรากฎว่า ผู้ครองเมืองบางแห่งก็ติดฝิ่น  และ  ผูกขาดการจำหน่ายฝิ่นเสียเองด้วย   เมื่อเป็นเช่นนี้ปัญหาการขายฝิ่น เสพฝิ่น จึงเลิกไม่ได้ตลอดสมัยกรุงศรีอยุธยา

 

     ต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงแจกกฎหมายป่าวร้องห้ามปรามผู้ขาย  ผู้สูบฝิ่นแต่ก็ยังไม่มีผล   ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย   จึงได้ทรงตราพระราชกำหนดโทษให้สูงขึ้นไปอีกโดย "ห้ามอย่าให้ผู้ใดสูบฝิ่น   กินฝิ่น   ซื้อฝิ่นขายฝิ่น  และ เป็นผู้สมซื้อสมขายเป็นอันขาดทีเดียวถ้ามิฟังจับได้ และมีผู้ร้องฟ้องพิจารณาเป็น สัจจะให้ลงพระอาญา  เฆี่ยน 3 ยก  ทเวนบก 3 วัน  ทเวนเรือ 3 วัน  ริบราชบาทว์ บุตรภรรยา  และ ทรัพย์สิ่งของให้สิ้นเชิง ให้ส่งตัว ไปตะพุ่นหญ้าช้าง ผู้รู้เห็นเป็นใจมิได้เอาความมาว่ากล่าว จะให้ลง พระอาญาเฆี่ยน 60 ที"

         ในรัชกาลที่ 3 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นระยะที่ตรงกับสมัยที่อังกฤษนำฝิ่นจากอินเดีย ไปบังคับขาย ให้จีนทำให้มีคนจีนติดฝิ่นเพิ่มขึ้น  และ ในช่วงเวลานั้น   ตรงกับระยะที่คนจีนเข้ามาค้าขายในเมืองไทยมากขึ้น   จึงเป็นการนำการใช้ฝิ่นและผู้ติดฝิ่นเข้ามาในเมืองไทย  ตลอดจนมีการลักลอบนำฝิ่นเข้ามาในเมืองไทยด้วยเรือสินค้าต่าง ๆ  มาก จึงเป็นเหตุให้

การเสพฝิ่นระบาดยิ่งขึ้น พระองค์จึงได้ทรงมีบัญชาให้มีการปราบปรามอย่างเข้มงวดกวดขันในปี พ.ศ. 2382  ทำให้การค้าฝิ่นและสิ่งอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมายเข้าไปอยู่ในมือของกลุ่มอั้งยี่ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ  และหัวเมืองชายทะเล  สร้างความวุ่นวายจากการทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่มอั้งยี่ต่าง ๆ จนต้องทำให้ทหารปราบปราม

     

       ในสมัยรัชกาลที่ 4  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงเห็นว่าการปราบปรามไม่สามารถขจัดปัญหาการสูบและขายฝิ่นได้ และก่อให้เกิดความยุ่งยากวุ่นวายขึ้น  จึงทรงเปลี่ยนนโยบายใหม่ ยอมให้คนจีนเสพและขายฝิ่นได้ตามกฎหมาย แต่ต้องเสียภาษีผูกขาดมีนายภาษีเป็นผู้ดำเนินการ ปรากฏว่าภาษีฝิ่นทำรายได้ให้แก่ประเทศไทยมาก ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ได้ทรงรวบรวมไว้ในหนังสือลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ ใน "ตำนานภาษีฝิ่น"  ว่าภาษีที่ได้นั้นประมาณว่าถึงปีละ 4 แสนบาท  สูงเป็นอันดับที่ 5 ของรายได้ประเภทต่าง ๆ และได้มีความพยายามห้ามคนไทยไม่ให้เสพฝิ่น แต่ก็ไม่ได้ผลเต็มที่

          ใน พ.ศ. 2501 คณะปฏิวัติซึ่งปกครองประเทศไทยอยู่ในขณะนั้นได้พิจารณาเห็นว่า การเสพฝิ่นเป็นที่รังเกียจใน วงการสังคม และเป็นอันตรายแก่สุขภาพและอนามัยอย่างร้ายแรง ประเทศต่าง ๆ ได้พยายามเลิกการเสพฝิ่นโดยเด็ดขาดแล้ว จึงเห็นเป็น

การสมควรให้เลิกการเสพฝิ่น  และ  จำหน่ายฝิ่นในประเทศไทย  จึงมีประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 37  ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2501ให้เลิกการเสพฝิ่น  และ  จำหน่ายทั่วราชอาณาจักร  และ กำหนดดำเนินการให้เสร็จสิ้นเด็ดขาดภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2502โดยกำหนดการตามลำดับดังนี้
   1. ประกาศให้ผู้เสพฝิ่นขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เสพฝิ่นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2501

   2. ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2502 ห้ามมิให้ร้านฝิ่นจำหน่ายฝิ่นแก่ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตให้สูบฝิ่น

   3. ยุบเลิกร้านจำหน่ายฝิ่นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2502
   4. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย ร่วมกันจัดตั้งสถานพยาบาล และพักฟื้นผู้อดฝิ่น
   5. ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2502 ผู้กระทำผิดฐานเสพฝิ่นหรือมูลฝิ่น  


ปัญหายาเสพติดของวัยรุ่น

      ยาเสพติดเป็นปัญหาสังคมที่ยิ่งใหญ่ ที่ต้องการการแก้ไขอย่างจริงจัง และอย่างจริงใจ ของผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าท่านเป็นวัยรุ่นที่เลือกหัวข้อนี้ ขอบอกทันทีเลยว่า ท่านคือส่วนที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหา ไม่มีใครที่ติดยาเสพติดโดยที่ตนเองไม่ยินยอมที่จะเสพ เพราะฉะนั้นคำว่า ไม่เริ่ม...ไม่ต้องเลิก ท่านต้องจำ 5 คำนี้ให้ดี คาถาปัองกันปัญหายาเสพติด ท่านทราบดีอยู่แล้วว่ายาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี ดังนั้นท่านต้องหัดปฏิเสธ ท่านต้องเจ้าเล่ห์เพทุบายในการหลบ หลีกเลี่ยงการลองยาเสพติด ที่เพื่อนรักของท่านนำมาให้หรือชักจูงท่านด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ ท่านสามารถที่จะบอกว่าท่านมีอาการแพ้สิ่งนั้นอย่างรุนแรง ท่านมีปอดและระบบทางเดินหายใจไม่ดี เสพที่ใด ไอจามทุกที นอนไม่หลับ สารพัดเหตุผลที่ท่านสามารถนำขึ้นมาพูดกับเพื่อนที่แสนที่จะไม่หวังดีต่อท่าน ถ้าท่านตั้งมั่นในดวงใจอยู่เสมอว่า ชั่วชีวิตนี้ท่านจะไม่ยอมติดยาเสพติดเป็นอันขาด
      ในโลกนี้มีสิ่งที่งดงามสนุกสนานอีกมากมาย ที่ท่านสามารถกระทำได้ โดยไม่ก่อให้เกิดการบั่นทอนสุขภาพร่างกาย และจิตใจของท่าน ท่านทราบดีอยู่แล้วถึงพิษภัยของของยาเสพติด เอ๊ะแล้วทำไมเพื่อนรักของท่านมาชวนท่านเสพยาเสพติด เพื่อนหวังดีกับท่านจริงหรือ  เพื่อนมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ในใจหรือเปล่า  เพื่อนเป็นตัวอย่างที่ดีที่ท่านควรทำตามหรือไม่ เพื่อนอยู่ในวงจรอุบาทว์ที่ท่านควรคิดช่วยเขา แทนที่เพื่อนจะมาชวนท่านเสพ แล้วฉุดท่านเข้าไปอยู่ในวงจรอุบาทว์นั้นด้วย มันถูกต้องหรือนี่  การเล่นกีฬาเล่นดนตรี ร้องรำทำเพลง เที่ยวเตร่เพื่อความสนุกสนาน วาดรูป เล่นเกมส์ต่างๆ ท่องเที่ยวไปในโลกของอินเตอร์เนตในคอมพิวเตอร์ และกิจกรรมอีกมากมายที่จะนำความสุขมาสู่ตัวท่าน ท่านต้องรักตัวท่าน ท่านต้องไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองของท่านเสียใจ โปรดเชื่อเถิดว่า เสพยาเสพติดไม่นานเกิน 1 ปีหรอก ร่างกายของท่านจะตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ การบำบัดรักษาให้เลิกยาเสพติดเป็นไปด้วยความยากลำบาก ถ้าท่านอยู่ในภาวะที่เศร้าโศกเสียใจและยังแก้ปัญหาในขณะนี้ไม่ได้ ยาเสพติดไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของท่านอย่างแน่นอน ขอให้คิดให้ดีและขอให้ท่านโชคดีแก้ปัญหาให้ได้
เยาวชนกับการป้องกัน และ แก้ไขปัญหายาเสพติด  


  

    ปัจจุบันเยาวชนที่ตกเป็นทาสของยาเสพติด ส่วนมากมาจากสาเหตุหลายประการที่เกิดจากตัวเยาวชนเอง เช่น  
          - ความอยากรู้ อยากทดลอง ความคึกคะนองของเยาวชน -ความต้องการให้เป็นที่ยอมรับของ            กลุ่มเพื่อนหรือเข้ากับเพื่อนได้ 
          - ความไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเยาวชนใช้ยาในทางที่ผิดหรือหลงเชื่อคำโฆษณา
          - จิตใจของเยาวชนเอง จิตใจอ่อนแแอ ใจคอไม่หนักแน่น เมื่อมีปัญหา ไม่สมหวัง ไม่ไตร่ตรองหาเหตุผลเพื่อแก้ปัญหา ก็ใช้ยาหรือยาเสพติดเป็นเครื่องช่วยระงับความรู้สึกทุกข์ของตน  ใช้บ่อยๆ  ทำให้เกิดการเสพติด ฉะนั้นการป้องกันและแก้ไขตนเองของเยาวชนให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด สามารถกระทำได้โดย
          1. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโทษและพิษภัยของยาเสพติด และระมัดระวังในการใช้ยา
          2. รู้จักเลือกคบเพื่อนที่ดี ส่งเสริมให้คิดและกระทำสิ่งดีมีประโยชน์กล้าพูดปฏิเสธเพื่อนที่ชักจูงไปในทางที่ไม่ดี เช่นการพูดปฏิเสธเพื่อนที่ชวนให้ลองเสพยาเสพติด
          3. ใช้เวลาว่าง และความอยากรู้ อยากลอง ไปในทางที่เป็นประโยชน์พึงระลึกเสมอว่าตนเองนั้นมีคุณค่าทั้งต่อตนเองครอบครัว และสังคม
          4. มีความภาคภูมิใจและนับถือตนเอง ด้วยการไม่พึงพาหรือเกี่ยวข้องอบายุมขและสิ่งเสพติดใดๆ ซึ่งจะนำความเสื่อมไปสู่ชีวิตของตนเอง 
          5.รู้จักแก้ไขปัญหาชีวิตของตนเองด้วยเหตุและผล
          6. รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง ด้วยการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เชื่อฟังคำสั่งสอนของ พ่อแม่และประพฤติแต่ในสิ่งที่ดีงามจะช่วยให้เยาวชนประสบกับความสำเร็จในชีวิต
          7. ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส เข้าใจวิธีการดำเนินชีวิตและยอมรับความเป็นจริง ที่ตนเองเป็นอยู่ โดยนำหลักศาสนามาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต จะช่วยให้เยาวชนเกิดความมั่นคงทางด้านจิตใจมากขึ้น
          8. เมื่อมีปัญหา รู้จักปรึกษาผู้ใหญ่ พ่อ แม่ หรือผู้ที่ไว้วางใจ หรือ หน่วยงานต่างๆ ที่รับให้คำปรึกษา ในฐานะที่เยาวชนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว จึงควรมีส่วนช่วย พ่อแม่ ผู้ปกครอง
การป้องกันปัญหายาเสพติดแก่ครอบครัวาของตนเอง

          1. ช่วย พ่อ แม่ สอดส่องดูแลน้องๆ หรือสมาชิกคนอื่นๆภายในครอบครัวมิให้กระทำสิ่งที่ผิด เช่น การคบเพื่อนที่ไม่ดีการมั่วสุมในอบายมุขและสิ่งเสพติด เยาวชนควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก ่สมาชิกคนอื่นๆภายในครอบครัวด้วย เช่น การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ความมีระเบียบวินัย ความขยันหมั่นเพียร
       2. ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว มีความรักใคร่กลมเกลียวและมีความเข้าใจกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อมีปัญหา
       3. เมื่อมีโอกาสควรบอกกล่าวหรือตักเตือนสมาชิกคนอื่นๆภายในครอบครัว โดยเฉพาะน้องๆให้รู้เกี่ยวกับโทษพิษภัยของยาเสพติดวิธีการใช้ยาอย่างปลอดภัย
       4. ช่วยทำให้ พ่อ แม่ เกิดความสบายใจและภาคภูมิใจด้วยการประพฤติดี ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน แบ่งเบาภาระหน้าที่การงานของพ่อ แม่ ภายในบ้าน

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ของดีเมืองนครศรีธรรมราช



ของดีเมืองนครศรีธรรมราช
    จังหวัดนครศรีธรรมราช (มักเรียกสั้น ๆ ว่า นคร) เป็นจังหวัดในประเทศไทย ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ (รองจากสุราษฎร์ธานี) ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 780 กิโลเมตรนครศรีธรรมราชได้ชื่อว่าเป็นเมืองพระ ทั้งที่โดยชื่อของเมืองแปลว่า เมืองอันงามสง่าของพระราชาผู้ทรงธรรม มาจากพระนามของกษัตริย์ผู้ครองนครในอดีต ทรงมีพระนามว่า พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช (ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช) มีความหมายว่า นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรมหรือ เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
     องค์พระบรมธาตุเจดีย์ ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตั้งอยู่กลางใจเมืองนครศรีธรรมราช เป็นที่สักการบูชา แหล่งรวมศรัทธาของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พุทธศาสนิกชนทั้งใกล้และไกลจะหลั่งไหลมามนัสการพระบรมธาตุเจดีย์อยู่มิได้ขาดสาย และเป็นแหล่งกำเนิดประเพณีสำคัญๆ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ ประเพณี แห่ผ้าขึ้นธาตุ ประเพณีตักบาตรธูปเทียน ลักษณะของเจดีย์เป็นทรงโอคว่ำหรือระฆังคว่ำ จากพื้นถึงยอด 37 วา ส่วนยอด 6 วา 2 ศอก 1 คืบ หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก 800 ชั่ง หรือประมาณ 216 กิโลกรัม มีความสำคัญ คือ เป็นพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่เดิมเชื่อกันว่า เป็นเจดีย์แบบอิทธพลศิลปะศรีวิชัย คล้ายพระบรมธาตุเจดีย์ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อมาพระสถูปทรุดโทรมลง จึงมีการสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ทรงลังกา คือ เจดีย์องค์ปัจจุบันครอบไว้ ซึ่งภายในพระบรมธาตุแห่งนี้มีสิ่งสำคัญ เช่น พระบรมธาตุเจดีย์ พระวิหารม้า วิหารพระเขียน วิหารโพธิลังกา วิหารสามจอบ วิหารพระแอด วิหารทับเกสร วิหารพระโพธิเดิม วิหารคดหรือวิหารพระระเบียง วิหารธรรมศาลา วิหารหลวงพระธาตุไร้เงา
    มังคุดหวานเมืองนคร นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ที่มีภูมิอากาศเหมาะสำหรับการปลูกมังคุดเป็นอย่างดี เนื่องจากมีความชื้นสูงและมีฝนตกชุกตลอดปี ในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่มีมังคุดออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก มังคุดจึงเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง และทำรายได้ให้แก่จังหวัดนครศรีธรรมราชมากกว่าผลไม้อื่นๆ ชาวนครศรีธรรมราชนอกจากจะนิยมมังคุดที่เป็นผลสุกแล้ว 
    ยังดัดแปลงผลที่ยังดิบมาเป็นของกินเล่น ที่เรียกว่า มังคุดคัด โดยนำมังคุดมาคัด (งัด) เอาเปลือกออกโดยให้เนื้อและเมล็ดคงรูปเดิมไม่แต่กระจายออกจากกัน จากนั้นนำมาล้างให้สะอาด และแช่น้ำเกลือที่มีความเค็มอ่อนๆ ทิ้งไว้ให้น้ำเกลือดูดซืมเข้าในเนื้อจนทั่วแล้วใช้ไม้เสียบเรียงเป็นตับๆ ในแต่ละไม้จะมีมังคุดประมาณ 5-7 ผล มังคุดคัดจะมีสีขาวสะอาด   กรอบ และรสชาติหวานมันอร่อย รับประทานได้ทั้งเนื้อและเมล็ด นิยมทำจำหน่ายกันมากในจังหวัดนครศรีธรรมราช          นอกจากนี้เมืองนครศรีธรรมราชยังมีของดีอีกมากมาย เช่น  หนังตะลุง  เครื่องถม  สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เขาพลายดำ น้ำตก ทะเล  และอีกมากมาย

  


วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความประทับใจในวันสถาปนาโรงเรียนทุ่งสง



ความประทับใจในวันสถาปนาโรงเรียนทุ่งสง

      ในวันที่ 23และ24 สิงหาคม 2555โรงเรียนทุ่งสงก็จะมีนิทรรศการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆและในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ก็จะแบ่งเป็นกิจกรรมหลายกิจกรรม เมื่อรวมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้แล้วก็จะมีกิจกรรมรวมทั้งหมดประมาณ 70 กว่ากิจกรรมตอนเช้าก็มีการตักบาตรเนื่องในวันสถาปนาโรงเรียนทุ่งสงครบ 70  ปี
      ทางโรงเรียนได้ให้ใบกิจกรรมแก่นักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้เข้าชมการจัดนิทรรศการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆให้นักเรียนเขียนสาระที่ได้รับและให้อาจารย์ที่อยู่ในแต่ละกิจกรรมเซ็นลายเซ็นให้โดยได้แบ่งเป็นวันที่23สิงหาคมให้นักเรียนล่าลายเซ็น 10 ลายเซ็น และวันที่24 สิงหาคมอีก10 ลายเซ็น และให้อาจารย์ที่ปรึกษาเซ็นลายเซ็นอีกครั้ง
   

 ผมก็จะยกตัวอย่างกิจกรรมต่างๆที่ผมได้ไปชมมาในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ เช่น ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาก็มีกิจกรรมอาเซียน ในกลุ่มสาระการนี้ก็ทำให้ผมได้รู้จักประเทศต่างๆในภูมิภาคอาเซียน ได้เห็นชุดการแต่งกาย ได้รู้จักการทักทาย และนอกจากนี้ยังได้รู้จักการแต่งกายของคนของแต่ละภาคในประเทศไทย ได้รู้จักสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศของแต่ละภาคในประเทศไทย

    ต่อไปก็จะเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ในกลุ่มสาระการนี้ก็จะมีกิจกรรมมากมายเลย เช่น กิจกรรมแรงตึงผิว ทำให้รู้ว่านมนั้นมีแรงตึงผิวมากกว่าน้ำยาล้างจาน  กิจกรรมกระแสลมทำให้ทราบว่าชาวประมงใช้กระแสลมบก ลมทะเล ในการออกเรือหาปลาและการกลับเข้าฝั่ง และนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการตอบคำถามเพื่อชิงของรางวัล และยังจะมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ให้ได้ชมกันอีกด้วย

      ต่อไปก็จะเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้เกษตรกรรม เป็นกลุ่มสาระหนึ่งเลยที่ผมชอบในการจัดนิทรรศการมาก เพราะมีการจัดกิจกรรมในเรื่องของทฤษฎีเศษฐกิจพอเพียงมีการทำนา การเลี้ยงปลา มีการปลูกผัก และยังมีการจัดสวนในขวดแก้ว มีการทำน้ำหมักชีวภาพ มีผัก ผลไม้ ที่ได้จากการปลูกของนักเรียนมาจัดให้ชมกันด้วย ฟักทองแต่ลูกใหญ่มากยังจะมีผลไม้ที่แปลกๆที่ผมไม่เคยเห็นก็มี และนอกจากนี้ยังมีของที่นักเรียนทำกันเองแล้วนำมาขายในราคาเป็นกันเอง เช่น หน่อไม้ดอง สะตอดอง และอีกมากมาย เป็นกลุ่มสาระการที่นักเรียนสนใจมากอีกกลุ่มสาระการหนึ่งเลย

        ต่อไปก็จะเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ผมต้องประจำอยู่เพื่อเป็นคนที่ให้น้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ ได้เล่นกิจกรรมต่างๆด้านคณิตศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ก็จะมีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย เช่น เกม24  เกมบิงโกหยอดเหรียญ  เกมเลขโดด  SUDOKU  เกมA-MATH  และอีกมากมาย ส่วนถ้าใครเล่นเกมผ่านถึง 3 เกมขึ้นไปก็จะได้รับเกียรติบัตร และผมเป็นคนหนึ่งที่เล่นเกมผ่าน 3 เกมขึ้นไป และทำให้จากที่ไม่ชอบคณิตศาสตร์ก็สนุกกับคณิตศาสตร์มากขึ้น
   

  นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการของกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นอีกมาก อันได้แก่กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยได้ชมเหรียญไทยในอดีตและเหรียญต่างชาติ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และยังมีการจัดนิทรรศการด้านศิลปะ มีทั้งภาพวาด ลายเส้นต่างๆ

     ส่วนในโรงอาหารก็มีการจัดประกวดวงดนตรีไทยเป็นการเปิดโอกาสให้น้องๆประถมได้แสดงความสามารถ ส่วนที่ร่มฉัตรก็มีการประกวดวงดนตรีซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ได้แสดความสามารถและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และจะได้ห่างไกลกับยาเสพติดอีกด้วย


   สำหรับผมแล้วงานในวันสถาปนาโรงเรียนทุ่งสงเป็นวันที่ได้ทั้งความรู้ในการเข้าชมกิจกรรมต่างๆของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้และได้สนุกกับการเล่นเกมต่างๆ ทำกิจกรรมต่างๆ ทำการทดลองต่างๆ รวมไปถึงการตามล่าหาลายเซ็นทั้ง 20 ลายเซ็นอีกด้วย





วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความประทับใจกับหน่วยมิตรประชากองทัพอากาศ


                   
                              ความประทับใจกับหน่วยมิตรประชากองทัพอากาศ


    ความประทับใจของผมที่หน่วยมิตรประชากองทัพอากาศมาให้ความรู้และความสนุกที่โรงเรียนทุ่งสง วันนั้นเป็นวันที่ผมประทับใจมากเพราะตอนที่ผมไปนั่งชมพวกพี่ๆทหารอากาศชาย ทหารอากาศหญิงร้องเพลงให้ฟังพี่ๆเขาร้องได้เพราะไม่แพ้นักร้องเลย และมีพี่ทหารหญิงคนหนึ่งได้ออกมาร้องเพลงพี่เขาร้องเพลงได้เพราะมากและพี่เขาก็ได้ลากผมออกไปด้านหน้า ให้ผมไปทำกิจกรรมตอนนั้นผมรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะในโรงยิมของโรงเรียนทุ่งสงเต็มไปด้วยนักเรียนมากมาย ถึงผมจะตื่นเต้นแต่ผมก็สนุกมากที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของพี่ทหารอากาศ

    พอถึงเวลาตอนเที่ยงๆก็มีนักร้องจากแดนสะตอที่เป็นทั้งนักร้องและเป็นทั้งทหารอากาศ ฝันใจคนใต้นั่นก็คือ บ่าววี และคณะนักร้องแดนใต้ อาทิ หลวงไก่  บิว กัลยาณี  วงมอร์แกน  วงสกายพาส ศิลปินแดนใต้พี่ๆเขาได้ร้องเพลงให้ความสนุกแก่นักเรียนโรงเรียนทุ่งสง ผมดีใจมากๆที่ได้เห็นศิลปินแดนใต้ที่ผมชอบเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ แต่พอได้มาเห็นตัวจริงรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ไม่ว่าพี่ๆเขาจะดังหรือมีชื่อเสียงมากแค่ไหนพี่ๆเขาก็เป็นกันเองมากและทำให้ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่พี่ๆศิลปินมอบให้ และทำให้ผมเห็นว่าพี่ๆเขาไม่ลืมคนใต้จริง

  ต่อมา...พอเสร็จจากความสนุกจากการได้ฟังเพลงจากพวกพี่ศิลปินแดนใต้แล้ว ในสนามของโรงเรียนทุ่งสง ก็มีพี่ๆทหารอากาศมาโชว์การขับเครื่องบินวิทยุบังคับให้แก่นักเรียนทุ่งสงได้ชม วันนั้นเป็นวันที่ทำให้ผมได้ทั้งความรู้และความสนุกและเป็นวันที่ผมประทับใจสุดๆ

       สุดท้ายนี้ผมก็ต้องขอบคุณพี่ๆหน่วยมิตรประชากองทัพอากาศและพี่ๆศิลปินแดนใต้ทุกๆคนที่มาให้ความรู้และความสนุกแก่บุคลากรโรงเรียนทุ่งสงทุกๆคน



วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันแม่






พระคุณแม่ลูกรู้อยู่แก่จิต ลูกหมั่นคิดเฝ้าคิดถึงคอยนึกหา

มีทางใดได้ตอบแทนคุณมารดา ลูกจะหามาให้มิหวั่นเกรง
เพราะตัวลูกมิได้รวยและสูงใหญ่ ชอบมีใครจะมาเฝ้าข่มเหง
ลูกจะสู้สู้กับมันด้วยตัวเอง ไม่หวั่นเกรงมิให้แม่คอยห่วงเรา
ลูกจะหาอะไรแพงคงไม่ได้ ไม่มีจ่ายของเลิศหรูเช่นอย่างเขา
ลูกจะหาของดีให้แม่เรา นี่ลูกเอา..........ให้แม่เอย



 แม่ เป็นภาระให้แก่ลูกทุกคนมาตั้งแต่เกิด นั่นเป็นความจริงที่เราไม่อาจจะปฏิเสธได้ ก็ลองคิดดูสิ ตั้งแต่เราเกิดมา ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลย อยู่ดี ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็มาโอบอุ้ม ถูกเนื้อต้องตัวเรา มิวายที่เราจะแหกปากร้องไห้ขับไล่ไสส่งยายผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน เธอก็ยังพยายามปลอบโยน เห่กล่อมเราอยู่นั่นแหละ เป็นภาระให้เราต้องจำใจเงียบ ยอมนอนดูดนมเธออยู่จั่บ ๆ ๆ 

     "มานี่มาลูก มานี่มา อีกนิดเดียวลูก อีกนิดเดียว อีกก้าวเดียว" ไม่รู้จะเรียกทำไมนักหนา ไอ้เราก็เดินล้มลุกคลุกคลานอยู่ เห็นมั้ย เป็นภาระที่เราต้องเดินไปให้เธอกอดอีก
 โตขึ้นมาอีกนิด เราเริ่มกินอาหารได้ หล่อนก็เอาอะไรนักหนาไม่รู้ เละ ๆ เทะ ๆ มาบดให้เรากิน ไอ้เราจะไม่กินก็ไม่ได้ เดี๋ยวแม่จะน้อยใจ ก็เอาวะ เอาซะหน่อย เคี้ยวไปเเจ่บ ๆ อย่างนั้นแหละ แม่คุณก็ยิ้มปลื้ม คงนึกว่าเราอร่อยตายล่ะมั้งนั่นน่ะ กล้วยบดนะจ๊ะ เธอจ๋า ในปากฉันตอนนี้น่ะ ถ้าคิดว่ามันอร่อยขนาดนั้น ทำไมไม่ลองทานเองดูมั่งล่ะ 

        
          ทีนี้พอเราเริ่มพูดจารู้เรื่องขึ้นมาหน่อย คราวนี้ยังไงล่ะ ผู้หญิงคนนี้กลับขับไล่ไสส่งให้เราไปโรงเรียนซะอีก ไม่ไปก็ไม่ได้ด้วยนะ บางทีมีตีเราเข้าให้อีก ภาษาอะไรนักก็ไม่รู้ เอามาให้เราหัดอ่านหัดเรียนใช่มั้ย ลองคิดดูนะ สัปดาห์หนึ่งต้องไปโรงเรียนตั้งห้าวันน่ะ มันภาระหนักหนาแก่เราแค่ไหน 

         แต่พอถึงเวลาเราจะดูทีวี ดูหนังการ์ตูน นอนดึกขึ้นมาสักหน่อย ลองนึกย้อนไปสิ ใครกันเคี่ยวเข็ญให้เราไปนอนด้วย ตัวเองง่วงจะนอนคนเดียวก็ไม่ได้นะ ต้องบังคับให้เราไปนอนเป็นเพื่อนด้วย ใช่มั้ย ที่พูดนี่ไม่ใช่ลำเลิกหรอกนะ เพียงแค่อยากให้เห็นใจกันบ้างเท่านั้น  

          วันเวลาผ่านไป เราโตขึ้น แต่แม่ก็ยังไม่ยอมโตตามเราสักที ลูกอยากจะทำผมทำเผ้า แต่งเนื้อเเต่งตัวให้มันดูอินเทรนด์ ดูทันสมัย ใคร ใครกันเป็นตัวสกัดดาวรุ่ง พูดแล้วขนลุก ผู้หญิงคนนี้มีพัฒนาการไม่คืบหน้าไปไหนเลย ว่ามั้ย 

 พอเราสำเร็จจบการศึกษาเเล้วเป็นยังไง... เธอร้องไห้ครับ เชื่อเถอะว่าเธอต้องร้องไห้ ถ้าเราไม่เห็นก็แปลว่าเธอต้องแอบร้องไห้ มีอย่างที่ไหน เราคร่ำเคร่งร่ำเรียนมาแทบตาย แล้วตัวเองแท้ ๆ ที่เป็นคนเริ่มเรื่อง พอเราเรียบจบแทนที่จะดีใจดันมาร้องไห้ มีอย่างที่ไหน  
ดีนะว่าเราเข้าใจ คู่มือการเลี้ยงแม่ ก็เลยทำใจได้ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ขอไปฉลองการสำเร็จการศึกษากับพวกเพื่อน ๆ ที่นอกบ้านก่อน ก็แหม เรียนจบทั้งที จะมาให้นั่งดูผู้หญิงแก่ ๆ นั่งร้องไห้ทำไมล่ะ ใช่มั้ย  

       เป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้วนี่ คราวนี้ใคร ๆ ก็ต้องอยากมีแฟน คนโน้นก็ไม่ดี คนนี้ก็เรื่องมาก ผมยาวไปมั่งล่ะ ดูไม่มีความรับผิดชอบมั่งล่ะ...แม่ แม่จะไปรู้อะไร แม่เคยคบกับเขาเหรอ  


แม่ครับ แม่ไม่รู้สักเรื่องจะได้มั้ยพวกเราจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของพวกเรา อนาคตของเรา ขอให้เราได้ตัดสินมันเอง แต่เรารับรองกับแม่ได้อย่างหนึ่งว่า เราจะไม่เป็นเหมือนแม่หรอก... เชย 












       นับจากบรรทัดแรก จนมาถึงบรรทัดนี้ เวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว สมควรที่พวกเราจะแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตนเองสักที ว่าแล้วเราก็ย้ายออกจากบ้านแม่ มายืนด้วยลำแข้งของตัวเอง อย่างที่แม่เคยพูดไง แล้วทำไมต้องมาทำตาละห้อยด้วยล่ะ วันที่เราย้ายออกมาน่ะ มันก็ไม่ได้ใกล้ มันก็ไม่ได้ไกลหรอกนะ ไอ้ที่ย้ายออกมาน่ะ แต่เวลามันรัดตัวจริง ๆ ใช้โทร.คุยกันก็ได้นะแม่นะ 


      ถึงวันที่เรามีลูก แม่ยังพยายามอยากมาทำตัวเป็นภาระกับลูกเราด้วย เราบอกแม่ว่าไม่ต้องมายุ่งหรอก เราดูแลลูกของเราได้ เด็กสมัยนี้มันไม่เหมือนกับสมัยแม่แล้วล่ะ 

      แม่อายุเกือบหกสิบปีแล้ว โทร.มาไอแค่ก ๆ บอกไม่ค่อยสบาย เราบอกแม่ว่าอย่าคิดมาก ในใจเรารู้อยู่แล้วว่าแม่พยายามเรียกร้องความสนใจ นั่นเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติของคุณแม่วัยนี้  
        จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง คุณโทร.กลับไปที่บ้านแม่ แต่... ไม่มีคนรับสายแล้ว อย่าเพิ่งตกใจ แม่อาจจะออกไปทำบุญที่วัดตามประสาคนแก่ก็ได้ ลองโทร.เข้ามือถือแม่ดูซิ...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก...  

        อย่าเพิ่งด่วนสรุป มือถือแม่อาจจะแบตหมดก็ได้ ผู้หญิงคนนี้กระดูกเหล็กจะตายไป เธอต้องไม่เป็นอะไรแน่ ๆ คิดฟุ้งซ่านไปได้ ยังไงแม่ก็ต้องรอเราอยู่เหมือนเดิมน่ะแหละ ไปหาเมื่อไหร่ก็ต้องเจอ อย่างมากแกก็อาจจะงอนนิด ๆ หน่อย ๆ พอเห็นหลานตัวเล็ก ๆ วิ่งเข้าไปกอดก็ขี้คร้านจะอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้ง หลายวันผ่านไป ทำไมแม่ยังไม่โทร.กลับมาอีกนะ ทำบุญตักบาตรก็ไม่น่าจะรอคิวนานขนาดนี้ ชาร์จแบตมือถือไม่เต็มก็เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นแบตเตอรี่รถสิบล้อป่านนี้ไฟทะลักแล้ว  
          วันนี้แวะไปหาแม่สักหน่อยดีกว่า ระหว่างทางที่คุณขับรถไป ลูกคุณซนเป็นลิงอยู่ข้าง ๆ ประโยคมากมายที่หลุดจากปากคุณ ล้วนเเต่เป็นคำที่แม่คุณเคยพูดมาแล้วทั้งสิ้นคุณเพิ่งสัมผัสได้ ภาพเก่า ๆ มากมายที่ผู้หญิงคนนั้นทำวิ่งวนอยู่ในหัวคุณ ช่างเถอะ.. เดี๋ยวเจอเธอแล้ว คุณจะสารภาพผิด แล้วทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น แล้วคุณก็ได้เจอ คนที่คุณรู้สึกว่าเธอเป็นภาระให้กับคุณมาตั้งแต่เกิด